(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)
ความขัดแย้งที่เมืองอันทิโอก
15 a1คริสตชนชาวยิวบางคนลงมาจากแคว้นยูเดียb และสอนบรรดาพี่น้องว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้” 2เปาโลและ บารนาบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขาเหล่านั้นอย่างรุนแรง มีการตกลงกันให้เปาโลและ บารนาบัสพร้อมกับพี่น้องบางคนcขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อปรึกษาปัญหานี้กับบรรดา อัครสาวกdและบรรดาผู้อาวุโส 3เมื่อพระศาสนจักรจัดให้เขาเหล่านั้นออกเดินทางไปแล้วe เขาเดินทางผ่านแคว้นเฟนีเซียและสะมาเรีย เล่าเรื่องการกลับใจของคนต่างศาสนา ทำให้พี่น้องทุกคนชื่นชมอย่างยิ่ง 4เมื่อมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเขาได้รับการต้อนรับจากพระศาสนจักร บรรดา อัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส บารนาบัสและเปาโลเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่พระเจ้าทรงกระทำโดยผ่านตน
ความขัดแย้งที่กรุงเยรูซาเล็ม
5ผู้มีความเชื่อบางคนที่เคยอยู่ในกลุ่มชาวฟาริสีลุกขึ้นกล่าวfว่า “ต้องให้คนต่างศาสนาเข้าสุหนัต และปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสสg”
6บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสhจึงประชุมกันเพื่อพิจารณาปัญหานี้ 7หลังจากโต้เถียงกันมากแล้ว เปโตรลุกขึ้นiกล่าวแก่ที่ประชุม
คำปราศรัยของเปโตร
เปโตรกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้แล้วว่า ตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงเลือกสรรข้าพเจ้าในหมู่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้คนต่างศาสนาได้ฟังพระวาจาที่เป็นข่าวดี จากปากของข้าพเจ้าและมีความเชื่อ 8พระเจ้าผู้ทรงล่วงรู้จิตใจ ทรงเป็นพยานยืนยันแก่คนต่างศาสนาโดยประทานพระจิตเจ้าให้เขาเหมือนกับที่ประทานให้พวกเรา 9พระองค์มิได้ทรงลำเอียง แต่ทรงชำระจิตใจของเขาให้บริสุทธิ์jด้วยความเชื่อ 10บัดนี้ ทำไมท่านทั้งหลายจึงทดลองพระเจ้าk นำแอกที่ทั้งบรรพบุรุษของเราและพวกเราแบกไม่ไหวมาวางบนคอของบรรดาศิษย์ 11เราเชื่อว่าเราได้รับความรอดพ้นอาศัยพระหรรษทานของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เช่นเดียวกับคนต่างศาสนาด้วย”l
12ทุกคนในที่ประชุมนิ่งเงียบm ฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าเรื่องเครื่องหมายอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ที่พระเจ้าทรงกระทำในหมู่คนต่างศาสนาโดยผ่านตน
คำปราศรัยของยากอบ
13เมื่อทั้งสองคนเล่าจบแล้ว ยากอบnจึงพูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้าเถิด
14ซีโมนoเล่าแล้วว่า ตั้งแต่แรกพระเจ้าทรงพระกรุณาเลือกสรรประชากรชาติหนึ่งจากนานาชาติให้เป็นประชากรของพระองค์ 15การกระทำเช่นนี้สอดคล้องกับถ้อยคำของบรรดาประกาศก ตามที่มีเขียนไว้pในพระคัมภีร์ว่า
16หลังจากนี้ เราจะกลับมา
และจะซ่อมแซมกระโจมที่พังลงของกษัตริย์ดาวิด
จะซ่อมแซมสิ่งปรักหักพังของกระโจมนี้
และจะตั้งใหม่ให้ตรง
17เพื่อให้มนุษย์อื่น ๆ แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
พร้อมกับนานาชาติที่เราเรียกว่าเป็นของเราq
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเช่นนี้ และทรงกระทำสิ่งเหล่านี้
18ซึ่งเป็นที่รู้กันตลอดมาแล้วr
19” ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าsไม่ควรก่อความยุ่งยากแก่คนต่างศาสนาที่กลับใจมาหาพระเจ้า 20ควรเขียนจดหมายไปบอกเขาให้งดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายแก่รูปเคารพแล้วt ให้งดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายu และงดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอให้ตายv 21กฎเหล่านี้ของโมเสสเป็นที่รู้จักกันทั่วทุกเมืองตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เพราะมีผู้ประกาศในศาลาธรรมทุกวันสับบาโต”
จดหมายของบรรดาอัครสาวก
22บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสพร้อมกับคริสตชนทุกคนที่ชุมนุมกันตกลงใจเลือกสมาชิกบางคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส คือยูดาส ที่เรียกกันว่า บารซับบัสwกับสิลาสx ทั้งสองคนนี้เป็นคนเด่นในบรรดาพี่น้อง 23ที่ประชุมเขียนจดหมายมอบให้คนเหล่านี้ถือไปเนื้อความว่า
จาก บรรดาอัครสาวก ผู้อาวุโส และบรรดาพี่น้อง
ถึง บรรดาพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่างศาสนาอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และแคว้น ซีลีเซีย ขอให้ท่านมีความสุขเถิด
24เนื่องจากเรารู้ว่า พวกเราบางคนทำให้ท่านสับสนโดยกล่าวถ้อยคำที่ทำให้ท่านวุ่นวายใจ โดยไม่ได้รับคำสั่งจากเราเลย 25เราจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบางคนส่งมาพบท่านพร้อมกับบารนาบัสและเปาโลที่รักยิ่งของเรา 26ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 27ดังนั้น เราจึงส่งยูดาสและสิลาสมาเล่าเรื่องที่เขียนนี้ให้ท่านฟังโดยตรง 28พระจิตเจ้าและพวกเราตกลงที่จะไม่บังคับให้ท่านแบกภาระอื่นอีก นอกจากสิ่งที่จำเป็นต่อไปนี้ 29คืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายให้รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าท่านทั้งหลายงดเว้นการกระทำเหล่านี้y ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด
ผู้แทนบรรดาอัครสาวกมาถึงเมืองอันทิโอก
30เมื่อล่ำลากันแล้ว คณะผู้แทนก็เดินทางมาถึงเมืองอันทิโอก เขาเรียกบรรดาคริสตชนมาประชุมกันและมอบจดหมายให้ 31เมื่ออ่านจดหมายนั้นแล้ว ทุกคนต่างยินดีเพราะได้รับกำลังใจ 32ยูดาสและสิลาสในฐานะประกาศก ก็กล่าวให้กำลังใจเป็นเวลานาน ทำให้พี่น้อง เข้มแข็งขึ้น 33เขาอยู่ที่นั่นอีกระยะหนึ่ง บรรดาพี่น้องก็ล่ำลายูดาสและสิลาส อวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพกลับไปหาผู้ที่ส่งเขามาz 35ส่วนเปาโลและบารนาบัสยังอยู่ที่เมืองอันทิโอกกับคนอื่นหลายคน สั่งสอนและประกาศพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
lV. การเดินทางธรรมทูตของเปาโล
เปาโลแยกทางกับบารนาบัสและรับสิลาสเป็นผู้ร่วมงาน
36ต่อมาไม่นาน เปาโลกล่าวแก่บารนาบัสว่า “เรากลับไปเยี่ยมพี่น้องในทุกเมืองที่เราเคยประกาศพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากันเถิด และดูว่าเขาเหล่านั้นเป็นอย่างไร” 37บารนาบัสต้องการนำยอห์นที่รู้จักในนามว่ามาระโกไปด้วย 38แต่เปาโลคิดว่าไม่สมควรที่จะทำเช่นนั้น เพราะมาระโกเคยถอนตัวไปจากเขาทั้งสองคนที่แคว้นปัมฟีเลียและไม่ร่วมงานกับเขาต่อไป 39เปาโลและบารนาบัส ขัดแย้งกันอย่างมากจนต้องแยกทางกัน บารนาบัสพามาระโกไปด้วยและแล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส 40ส่วนเปาโลเลือกสิลาสเป็นเพื่อนร่วมทางและออกเดินทางหลังจากที่บรรดาพี่น้องฝากเขาไว้กับพระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าaa 41เปาโลผ่านแคว้น ซีเรียและแคว้นซีลิเซีย ทำให้กลุ่มคริสตชนต่าง ๆ เข้มแข็งขึ้นbb
15 a เหตุการณ์ต่าง ๆ ในบทนี้มีปัญหาหลายประการ (1) ข้อ 5-7ก ซ้ำข้อ 1-2ก ราวกับว่าผู้นิพนธ์มีรายละเอียดสองชุดที่เล่าว่าปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร จึงได้ตัดสินใจที่จะบันทึกรายละเอียดไว้ทั้งสองชุดอย่างที่เป็นอยู่ (2) ข้อ 6 ชวนให้คิดว่า บรรดาผู้นำของกลุ่มคริสตชนได้จัดให้มีการประชุมเป็นการภายในเท่านั้น แต่ข้อ 12,22 ชวนให้คิดว่ามีการอภิปรายปัญหานี้ต่อหน้าที่ประชุมพระศาสนจักรทั้งหมด (3) ที่ประชุมได้ออกข้อกำหนดฉบับหนึ่งว่าคริสตชนที่กลับใจจากต่างศาสนาต้องปฏิบัติตามกฎเรื่องสิ่งมีมลทินบางประการ และมอบข้อกำหนดนี้ให้เปาโลประกาศใช้ (ข้อ 22ฯ) อย่างไรก็ตาม ต่อมาใน 21:25 ยากอบดูเหมือนจะคิดว่า เปาโลยังไม่ทราบข้อกำหนดนี้ และเปาโลก็มิได้พูดถึงเรื่องข้อกำหนดนี้ทั้งใน กท 2:6 (เมื่อกล่าวถึงการประชุมที่กรุงเยรูซาเล็ม) หรือใน รม 14; 1 คร 8-10 (เมื่อกล่าวถึงปัญหาที่คล้ายกัน) (4) แม้ว่าข้อกำหนดใน 15:29 ถูกกำหนดขึ้นเพื่อใช้สำหรับพระศาสนจักรในแคว้นซีเรียและแคว้นซีลีเซีย (15:23) ลก ก็ไม่ได้กล่าวว่าเปาโลประกาศใช้ข้อกำหนดนี้เมื่อเดินทางไปทั่วแคว้นทั้งสองนี้ (15:41) ลก มิได้กล่าวถึงข้อกำหนดนี้เมื่อเล่าเหตุการณ์ในแคว้น ลิคาโอเนีย (16:4) แต่ข้อความใน 15:19-21; 21:25 ชี้ให้เห็นว่าข้อกำหนดนี้มีอำนาจบังคับใช้ในทุกแคว้น ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้อธิบายได้ถ้าสมมติว่า ลก ได้รวมปัญหาขัดแย้งสองเรื่องและวิธีแก้ปัญหาเข้าไว้ด้วยกัน (เปาโลแยกปัญหาเหล่านี้ชัดเจนกว่าใน กท 2) ปัญหาขัดแย้งประการแรกคือการบังคับให้คนต่างศาสนาที่กลับใจต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ ทั้งเปโตรและเปาโลมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ (ดู กท 2:1-10) ปัญหาขัดแย้งประการที่สองเกิดขึ้นในภายหลังเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านสังคมภายในกลุ่มคริสตชนซึ่งกลุ่มหนึ่งเป็นผู้กลับใจมาจากลัทธิยิว อีกกลุ่มหนึ่งมาจากศาสนาอื่น ๆ (ดู กท 2:11-14) ยากอบเป็นตัวตั้งตัวตีในปัญหานี้ เพราะสำหรับชาวยิวการติดต่อกับคนต่างศาสนาไม่ว่าเรื่องใดถือว่าเป็นมลทิน (ดู 15:20 เชิงอรรถ u)
b จากข้อความใน กท 2:12 เรารู้ว่าพวกนี้มีหลายคนมาจากยากอบ
c จาก กท 2:1-3 เรารู้ว่าทิตัสซึ่งมีบิดาเป็นชาวกรีกอยู่ในคณะนี้ด้วย
d บรรดาอัครสาวกที่ไม่ได้กล่าวถึงทั้งใน 11:30 หรือใน 21:18 ในเหตุการณ์นี้ถูกนับรวมเข้าเป็นกลุ่มเดียวกับบรรดา ผู้อาวุโส (เทียบ กท 2:2-9) ใน กท เปโตรและยอห์นถูกนับรวมเข้าเป็นกลุ่มเดียวกับยากอบ “น้องชายขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ในฐานะผู้มีอำนาจปกครองพระศาสนจักรที่กรุงเยรูซาเล็ม
e บางคนแปลว่า “ได้จัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทางให้กับพวกเขา” เทียบ 1 คร 16:11; ทต 3:13
f สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “แต่ผู้ที่ได้บอกให้เขาขึ้นไปหาบรรดาผู้อาวุโสนั้น ได้ลุกขึ้น…”
g ตามข้อความใน กท 2:3-5 ผู้เรียกร้องให้คริสตชนที่ไม่ใช่ชาวยิวต้องเข้าสุหนัตเสียก่อนนั้น คงคิดถึงทิตัสเป็นพิเศษ เพราะทิตัสร่วมเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็มกับเปาโล
h สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “พร้อมกับบรรดาพี่น้อง” เทียบ ข้อ 12
i สำเนาโบราณบางฉบับเสริม “(ได้รับการดลใจ)จากพระจิตเจ้า”
j การอธิบายเช่นนี้เป็นการตีความหมายของพระวาจาที่เปโตรได้รับจากพระเจ้าใน 10:15; 11:9; เทียบ 10:28; บสร 38:10
k การทดลองพระเจ้า (ดู 1 คร 10:13 เชิงอรรถ f) หมายถึง การเรียกร้องให้พระเจ้าประทานเครื่องหมายหรืออัศจรรย์เป็นการพิสูจน์ความจริง 5:8-10; อพย 17:2,7; กดว 14:22; ฉธบ 6:16; ยดธ 8:12-17; สดด 95:9; อสย 7:11-12; มธ 4:7ฯ; 1 คร 10:9
l คำยืนยันของเปโตรคัดค้านโดยตรงกับคำยืนยันในข้อ 1 คำสอนเรื่องนี้เป็นคำสอนที่พบได้ใน รม 11:32; กท 2:15-21; 3:22-26; อฟ 2:1-10 ในเรื่องความรอดพ้นชาวยิวมิได้มีอภิสิทธิ์เหนือชนชาติอื่น (เทียบ 13:38; กท 5:6; 6:15)
m สำเนาโบราณบางฉบับว่า “เมื่อบรรดาผู้อาวุโสได้แสดงว่าเห็นด้วยกับข้อความที่เปโตรได้กล่าวนั้น ที่ประชุมทั้งหมดก็เงียบ”
n กท 2:9 ยืนยันถึงความสำคัญที่ยากอบมีในเรื่องนี้โดยเฉพาะในการแก้ปัญหาท้องถิ่นเรื่องความสัมพันธ์ของคริสตชนที่เป็นชาวยิวและไม่ใช่ชาวยิว (ดู 15:1 เชิงอรรถ a และ 20 เชิงอรรถ u)
o ต้นฉบับว่า “ซีเมโอน” ซึ่งเป็นชื่อของซีโมน เปโตร ตามรูปภาษาอาราเมอิก ดู 2 ปต 1:1
p ข้อความที่อ้างถึงนี้มาจากต้นฉบับภาษากรีก (LXX) ซึ่งไม่ตรงกับต้นฉบับภาษาฮีบรูทีเดียว จึงน่าแปลกที่ยากอบซึ่งเป็นผู้นำของคริสตชนที่พูดภาษาฮีบรู ยกข้อความจากพระคัมภีร์ภาษากรีกแทนที่จะยกจากพระคัมภีร์ภาษาฮีบรู
q แปลตามตัวอักษรว่า “ซึ่งนามของเราถูกเรียกขานเหนือเขา” การเรียกขานพระนามของพระยาห์เวห์เหนือประชาชน (ดู 2 พศด 7:14) หรือ เหนือสถานที่ (ดู 2 พศด 6:34) เป็นการยกถวายประชาชนหรือสถานที่นั้นแด่พระองค์
r สำเนาโบราณบางฉบับว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้ตรัสว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบผลงานของพระองค์ตั้งแต่นิรันดร”
s ยากอบเสนอมติให้การอภิปรายสิ้นสุด ข้อความในจดหมายของบรรดาอัครสาวกเป็นความเห็นของยากอบนี้เอง กท 2:9 แสดงว่าในระยะเวลานี้ยากอบเป็นผู้นำพระศาสนจักรที่กรุงเยรูซาเล็ม (ดู กจ 12:17 เชิงอรรถ f)
t เทียบข้อ 29 และ 21:25 ดู 1 คร 8:10 ด้วย
u ดู ลนต 18
v สำเนาโบราณบางฉบับละ “เนื้อสัตว์ที่ถูกรัดให้ตาย” และเสริมว่า “และงดเว้นการกระทำแก่ผู้อื่น สิ่งที่เขาไม่อยากให้ผู้อื่นกระทำแก่ตน” (มีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ด้วยในข้อ 29)
การงดเว้นสิ่งที่เป็นมลทินซึ่งเป็นอุปสรรคมิให้ร่วมศาสนพิธีตามคำเรียกร้องของยากอบนี้แสดงอย่างชัดเจนว่าปัญหาที่กล่าวถึงใน 11:3 และ กท 2:12-14: อยู่ที่ไหนและต้องแก้ไขอย่างไร คือ คริสตชนที่ไม่ใช่ชาวยิวจะต้องปฏิบัติอย่างไรเพื่อคริสตชนชาวยิวจะสามารถมีความสัมพันธ์กับเขาได้โดยไม่ต้องเป็นมลทิน ยากอบตัดสินใจจะเรียกร้องเพียงข้อบังคับในเรื่องการเป็นมลทินหรือไม่ ซึ่งมีความหมายทางศาสนาโดยตรงเท่านั้น คือ (1) การห้ามกินเนื้อสัตว์ที่ถวายให้รูปเคารพแล้ว เพราะเป็นการร่วมถวายนมัสการพระเท็จเทียม ดู 1 คร 8-10 (2) การห้ามกินเลือดเพราะเลือดเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และชีวิตเป็นของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ธรรมบัญญัติของโมเสสมีข้อห้ามกินเลือดไว้อย่างเข้มงวด (ลนต 1:5 เชิงอรรถ e) ชาวยิวจึงไม่ยอมยกเว้นจากข้อห้ามนี้เป็นอันขาด (3) การห้ามกินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดให้ตาย ก็เพราะเลือดยังคงอยู่ในร่างของสัตว์นั้น (4) การห้ามแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มีกล่าวไว้ในที่นี้เพราะเป็นการทำให้มีมลทิน ไม่ใช่เพราะเป็นบาปเท่านั้น
w เราไม่รู้ว่า “ยูดาส บาร์ซับบาส” ผู้นี้เป็นใคร เพราะไม่มีกล่าวถึงอีกเลยในพระคัมภีร์ ดู 1:23
x สิลาส เพื่อนร่วมงานธรรมทูตของเปาโล (15:40-18:5) เป็นคนเดียวกันกับซิลวานัสที่กล่าวไว้ใน 2 คร 1:19; 1 ธส 1:1; 2 ธส 1:1; 1 ปต 5:12
y สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “โดยพระจิตเจ้าทรงดลใจ”
z สำเนาโบราณบางฉบับเพิ่มข้อ 34 ว่า “แต่สิลาสได้ตัดสินใจอยู่ที่นั่นต่อไป” สำเนาโบราณบางฉบับยังเสริมอีกว่า “ยูดาสได้ออกเดินทางไปแต่ลำพัง”
aa สำเนาโบราณบางฉบับว่า “พระหรรษทานของพระเจ้า”
bb สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “โดยถ่ายทอดบัญญัติของบรรดาผู้อาวุโส ดู 16:4